มาตรฐานกระดาษ ISO 216 คืออะไร? ทำความรู้จักกับมาตรฐานขนาดกระดาษที่ใช้กันทั่วโลก

มาตรฐานกระดาษ ISO 216 เป็นมาตรฐานที่กำหนดขนาดกระดาษที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ใช้ระบบเมตริก เช่น ยุโรปและเอเชีย มาตรฐานนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้กระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบาย โดยมีขนาดกระดาษที่เหมาะสมกับงานพิมพ์ต่างๆ
ในบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับมาตรฐานกระดาษ ISO 216 คืออะไร? ขนาดกระดาษที่ใช้ในมาตรฐานนี้ และเหตุผลที่มาตรฐานนี้ได้รับการยอมรับทั่วโลก
หัวข้อ
มาตรฐานกระดาษ ISO 216 คืออะไร?
ISO 216 คือมาตรฐานสากลที่กำหนดขนาดกระดาษในกลุ่ม A, B และ C ซึ่งถูกใช้ในงานพิมพ์ทั่วไป โดยขนาดกระดาษที่กำหนดในมาตรฐานนี้ได้รับการยอมรับและใช้งานในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ประเทศในยุโรป เอเชีย และส่วนใหญ่ในแอฟริกา ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นที่นิยมเพราะมีการใช้ขนาดกระดาษที่เป็นสากลและสะดวกต่อการใช้งาน
ประวัติความเป็นมาของ ISO 216
มาตรฐาน ISO 216 ได้รับการพัฒนาและกำหนดขึ้นในปี 1975 โดยเป็นการปรับปรุงและจัดทำขนาดกระดาษมาตรฐานจาก DIN 476 ซึ่งเป็นมาตรฐานของเยอรมนี ที่เริ่มต้นใช้ในปี 1922 การใช้มาตรฐาน ISO 216 ช่วยให้การพิมพ์และการจัดเก็บเอกสารมีความสะดวกและตรงไปตรงมามากยิ่งขึ้น
ขนาดกระดาษตามมาตรฐาน ISO 216
มาตรฐาน ISO 216 กำหนดขนาดกระดาษไว้ใน กลุ่ม A, B และ C ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีขนาดและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1. ขนาดกระดาษ A (A-series)
ขนาดกระดาษในกลุ่ม A เป็นขนาดที่ใช้กันมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะในงานพิมพ์ทั่วไป เช่น การพิมพ์เอกสารทางธุรกิจ รายงาน หรือเอกสารส่วนบุคคล ขนาดของกระดาษในกลุ่ม A เป็นการตัดกระดาษที่ได้จากการพับครึ่งไปเรื่อยๆ จนได้ขนาดที่ต้องการ เช่น A0, A1, A2 เป็นต้น
- A0 : ขนาดใหญ่ที่สุดในมาตรฐาน A ขนาด 841 x 1189 มม. มักใช้สำหรับการพิมพ์แผนที่ โปสเตอร์ หรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่
- A1 : ขนาด 594 x 841 มม. ใช้ในงานพิมพ์โปสเตอร์ขนาดกลาง
- A2 : ขนาด 420 x 594 มม. ใช้ในงานพิมพ์กราฟิกหรือโบรชัวร์ขนาดใหญ่
- A3 : ขนาด 297 x 420 มม. ใช้ในงานพิมพ์แผ่นพับหรือโบรชัวร์ขนาดกลาง
- A4 : ขนาด 210 x 297 มม. ขนาดที่นิยมใช้มากที่สุดในการพิมพ์เอกสารทางธุรกิจและเอกสารส่วนบุคคล
- A5 : ขนาด 148 x 210 มม. ใช้ในการพิมพ์หนังสือเล่มหรือการ์ด
- A6 : ขนาด 105 x 148 มม. ใช้ในการพิมพ์โปสการ์ด หรือบัตรเชิญ
2. ขนาดกระดาษ B (B-series)
ขนาดกระดาษในกลุ่ม B จะมีขนาดใหญ่กว่ากลุ่ม A เล็กน้อย ขนาดกระดาษในกลุ่ม B ใช้สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการขนาดใหญ่ เช่น นิตยสาร หรือป้ายโฆษณา
- B0: ขนาด 1000 x 1414 มม.
- B1: ขนาด 707 x 1000 มม.
- B2: ขนาด 500 x 707 มม.
- B3: ขนาด 353 x 500 มม.
- B4: ขนาด 250 x 353 มม.
- B5: ขนาด 176 x 250 มม.
3. ขนาดกระดาษ C (C-series)
ขนาดกระดาษในกลุ่ม C ใช้สำหรับการพิมพ์ซองจดหมายและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ โดยที่ขนาด C มักจะใหญ่กว่าขนาด A หรือ B เล็กน้อยเพื่อให้สามารถใส่เอกสารหรือสินค้าที่บรรจุในกระดาษนั้นได้พอดี
- C0: ขนาด 917 x 1297 มม.
- C4: ขนาด 229 x 324 มม. ใช้สำหรับซองจดหมายที่ใส่กระดาษ A4
- C5: ขนาด 162 x 229 มม.
- C6: ขนาด 114 x 162 มม. ใช้สำหรับการ์ดเชิญหรือโปสการ์ด
ข้อดีของการใช้มาตรฐานกระดาษ ISO 216
ขนาดกระดาษสากล
การใช้มาตรฐาน ISO 216 ช่วยให้การเลือกขนาดกระดาษเป็นเรื่องง่ายและสามารถใช้งานได้ทั่วโลก ทำให้สะดวกสำหรับการพิมพ์และการจัดเก็บเอกสาร
การใช้งานที่สะดวก
ขนาดกระดาษตามมาตรฐาน ISO 216 เช่น A4 เป็นขนาดที่ใช้กันมากที่สุดในการพิมพ์เอกสารทั่วไป ช่วยให้การจัดเก็บเอกสารและการจัดการงานพิมพ์สะดวก
การใช้เครื่องพิมพ์ที่รองรับมาตรฐาน
ขนาดกระดาษ ISO 216 รองรับกับเครื่องพิมพ์ที่ใช้ในสำนักงานหรือบ้านส่วนใหญ่ ทำให้การพิมพ์เอกสารได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ด้วยการใช้ขนาดกระดาษที่เป็นมาตรฐาน การพิมพ์งานมีความสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงาน
สรุป
มาตรฐานกระดาษ ISO 216 เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกในการกำหนดขนาดกระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์ กระดาษในมาตรฐานนี้มีขนาดหลากหลายตั้งแต่ A0, A4 ไปจนถึง C-series ซึ่งช่วยให้การเลือกขนาดกระดาษเป็นไปอย่างสะดวกและเหมาะสมกับประเภทของงานพิมพ์ หากคุณต้องการพิมพ์เอกสารหรือสื่อการตลาดที่มีคุณภาพสูง Pimmai พร้อมให้บริการพิมพ์ตามมาตรฐานกระดาษที่เหมาะสมกับทุกงานของคุณ
ติดต่อเรา
- Facebook : Pimmai
- เว็บไซต์ : www.pimmai.com
- แผนที่ : Pimmai